การสัมภาษณ์เป็นการเก็บข้อมูลโดยตรงจากแหล่งข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลปฐมภูมิอย่างหนึ่งที่มีค่าสำหรับงานวิจัย เพราะเป็นข้อมูลที่ไม่ได้ผ่านคนกลาง เช่น สื่อสารมวลชน ผู้วิจัยสามารถถามคำถามโดยตรงกับแหล่งข้อมูลได้ทันทีและตรงกับเนื้อหาที่ต้องการ การสัมภาษณ์นี้มีอยู่ 2 แบบคือ
1. การสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ หรือการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง เป็นการสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยได้เตรียมคำถามและข้อกำหนดไว้แน่นอนตายตัว
2. การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ มักจะใช้ควบคู่ไปกับการสังเกตแบบมีส่วนร่วม เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคม โดยเตรียมคำถามกว้าง ๆ มาล่วงหน้า การสัมภาษณ์แบบนี้อาจแบ่งออกได้อีก คือ การสัมภาษณ์โดยเปิดกว้างไม่จำกัดคำตอบ การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ซักถามส่วนลึกของความคิดออกมา และการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ โดยกำหนดตัวผู้ให้สัมภาษณ์แบบเจาะจง
ก่อนสัมภาษณ์ควรจะต้องเตรียมความพร้อมให้ดีก่อนเพราะการสัมภาษณ์เราไม่อาจสัมภาษณ์ซ้ำได้ เทคนิคการสัมภาษณ์ที่ทีมงานของผู้เขียนใช้ประจำและได้ผลไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เพื่อทำข่าว สัมภาษณ์เพื่อเขียนหนังสือ คือ
1. เตรียมเครื่องบันทึกเสียงไปด้วย เครื่องบันทึกเสียงช่วยได้มากทำให้เราสามารถทบทวนเรื่องราวที่ได้สัมภาษณ์มากี่ครั้งก็ได้ข้อความก็ไม่ตกหล่นเมื่อเทียบกับการจดบันทึกหรือการจำซึ่งข้อมูลอาจขาดหายไปบ้างตามความเข้าใจ
2. ควรศึกษาเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวผู้ให้สัมภาษณ์ และเรื่องราวที่จะสัมภาษณ์ให้ละเอียด เพราะเรากำลังจะไปถามข้อมูลกับคนที่รู้เรื่องนั้น ๆ มากกว่าเรา ถ้าเราไม่มีความรู้พื้นฐานเลยเราจะต่อภาพไม่ติดว่าเขากำลังพูดถึงไหนแล้ว และอาจออกนอกเรื่องโดยเราไม่รู้ตัว
3. ถ้าไปสัมภาษณ์กันหลายคนก็แบ่งหน้าที่กันไป บันทึกเทปด้วยและควรมีคนจดบันทึกด้วยเพื่อเป็นข้อมูลสำรองในกรณีที่เทปบันทึกเสียงได้ไม่ชัด
4. ถ้าสัมภาษณ์ผู้อาวุโส หรือผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตก็อย่าลืมตรวจตราการแต่งกายของตัวเองก่อน และไปถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลา เพราะบุคคลผู้ให้สัมภาษณ์บางครั้งก็ไม่มีเวลารอเรามากนัก
5. ระหว่างสัมภาษณ์ให้ระวังเรื่องอย่าลืมปิดเสียงโทรศัพท์ด้วยนะครับ ถ้าโทรศัพท์เราดังขึ้นมาขัดจังหวะจะเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ที่เราสัมภาษณ์
กรณีตัวอย่างการสัมภาษณ์เพื่อการวิจัย
1.สัมภาษณ์นายทหารระดับสูง
อาชีพทหารจะอยู่ในเรื่องของวินัย หน้าที่ความรับผิดชอบ และความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องหลัก ส่วนเรื่องรองต่อมาเป็นเรื่องของภารกิจหน้าที่หรือการบริหารในระดับต่างๆที่เป็นอยู่หรือเคยเป็นมาในอดีต ดังนั้นสาระสำคัญที่จะต้องเกริ่นนำก่อนที่จะสัมภาษณ์จะต้องอยู่ในลักษณะเรื่องเหล่านี้เป็นอันดับแรก เพื่อที่สร้างความสัมพันธ์หลอมความคิดให้อยู่ในแนวทางเดียวกันหรือสอดคล้องต้องกัน หลังจากนั้นจะสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่น
ข้อควรระวัง
1.การนัดหมาย สำคัญมาก เรารู้ว่าเป็นจะไปสัมภาษณ์ทหาร เวลาจึง
สำคัญมาก เพราะภารกิจของทหารนั้นจะเป็นไปตามตารางทำงาน ไม่ใช่เมื่อใดก็ได้ ฉะนั้นการนัดหมายเข้าพบเพื่อสัมภาษณ์จึงต้องชัดเจนแน่นอน และที่สำคัญควรจะมาก่อนเวลาประมาณ15นาที เพื่อที่จะได้มีการวางแผนงานอะไรต่างๆได้อย่างลงตัว
2.สิ่งที่จะถามนั้นควรจะเป็นไปตามประเด็นจริงๆ เพราะนายทหารนั้นจะไม่ชอบให้สัมภาษณ์ประเภทไม่เป็นทางการหรือพูดเล่นๆ เพราะข้อความที่ออกไปสู่สาธารณชนนั้น หากไม่มีการกลั่นกรองก่อนจะไม่ดีเอาเสียเลย และหากเรานำข้อความทุกอย่างไปลงนั้นต้องอนุญาตในภายหลังด้วยเพื่อให้เกียรติแก่แหล่งข่าว
3.สิ่งที่ไม่ควรพูดถึงกับบุคคลประเภทนี้ได้แก่ หนึ่ง เรื่องของความแตกแยกของประเทศหรือคนในชาติ ทหารนั้นถูกสอนมาอย่างดีในเรื่องแบบแผนของการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะเรื่องของความมั่นคงของชาติความสามัคคี ดังนั้นทหารจึงไม่อยากพูดเรื่องของความแตกแยก อย่างที่สองเรื่องของราชวงศ์ชั้นสูง เรื่องนี้ทหารจะจงรักภักดีเป็นที่สุด ใครแตะต้องหรือพูดพาดพิง คงจะต้องป้องกันไว้ก่อน ต่อมาเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ทหารอยู่ในระเบียบวินัย การใช้อำนาจหน้าที่หรือยศตำแหน่งเพื่อแสวงหาผลประโยชน์อย่าพูดถึงเสียดีกว่า เดี๋ยวจะอารมณ์เสียแล้วอดได้ข้อมูล
2.สัมภาษณ์รัฐมนตรี
การสัมภาษณ์รัฐมนตรีมีความแตกต่างจากกลุ่มบุคคลที่เป็นทหารหรือข้าราชการประจำอยู่
หลายอย่าง ได้แก่
-การสัมภาษณ์นั้นจะนัดหมายเป็นทางการค่อนข้างยาก เพราะจะไม่นั่งประจำที่กระทรวง เราจะต้องหาโปรแกรมแต่ละวันว่ารัฐมนตรีไปที่ไหนบ้าง บางครั้งอยู่ต่างจังหวัดก็ต้องไป แม้กระทั่งต่างประเทศก็ย่อมได้ถ้าสุดวิสัยจริงๆ ฉะนั้นจึงต้องสัมภาษณ์หลายๆรอบในสถานที่ต่างๆกันได้ง่ายและสะดวกกว่า
-ประเด็นต่างๆที่ต้องการส่วนใหญ่แล้วรัฐมนตรีเป็นนักการเมืองเป็นผู้แทนของประชาชนเวลาจะให้สัมภาษณ์เรื่องอะไร ประเด็นไหน พาดพิงถึงใครบ้างนั้น ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่นักเพราะไม่ต้องรับผิดชอบซึ่งผิดกับข้าราชการที่ต้องระวังคำพูดเป็นอย่างมาก เนื้อหาต่างๆที่ได้มาจึงสามารถเป็นข้อมูลได้ทุกส่วน ยกเว้นที่เจ้าตัวบอกว่าอย่าอ้างอิงเลย
-เรื่องเนื้อหานั้นจะต้องถามโดยรวมไม่เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะรัฐมนตรีดูแลงานหลายกรมกอง หากถามเพียงเรื่องเดียวคงจะไม่ค่อยแฮปปี้มากนัก เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่อยากอวดผลงานของตัวเอง เวลาพูดก็จะพูดหลายเรื่องหลายงาน จะทำให้บรรยากาศของการสัมภาษณ์ราบรื่นยิ่งนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น